แสนสิริ”ประกาศ ALL-Time High ทุบสติถิเปิดตัวใหม่มูลค่า7.5หมื่นล. มุ่งสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่รายได้-กำไร สูงสุด

แสนสิริ วางกลยุทธ์ขยายธุรกิจเต็มสูบ ประกาศ ALL-Time High เปิด 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท ทุบสถิติเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ วางเป้ายอดขายปีนี้แตะ 55,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้รวม  40,000 ล้านบาท ทั้งขยายฐานตลาด CLMV หวังกวาดยอดขาย 12,000 ล้านบาท

เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมานับได้ว่าเป็นปีแรกที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลีคลาย รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวกลับมายังคงไม่เต็มที่ ทำให้มีทั้งโอกาสทางธุรกิจและปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าติดตามและเตรียมรับมือในอีกหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย แนวโน้มราคาพลังงานและราคาโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นกดดันให้ต้นทุนและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ทั้งนี้ แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่มีความท้าทายของการดำเนินธุรกิจภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน แต่แสนสิริ สามารถเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายรวมถึง 50,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 50% จากปีที่ผ่านมา และยอดโอน 36,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา”

“ ผมยังไม่ไปไหน พร้อมอยู่ดูภาพรวมนโยบายด้าน Synergy”ต่อไป ตอกย้ำเบอร์หนึ่งแบรนด์อสังหาฯ ไทย และในใจตลาดต่างชาติ แต่ผมมองว่าโจทย์ยากในปีนี้ คือความไม่แน่นอนจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมไปถึงการเมืองระหว่างประเทศของจีน-สหรัฐอเมริกา และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้นมา 3 รอบแล้ว ก็กระทบกับต้นทุนรวม แต่ก็มีข้อดีเรื่องท่องเที่ยว ที่ชาวจีนเริ่มกลับมาแล้ว” เศรษฐา กล่าว

ทุบสถิติเปิด52 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 7.5 หมื่นล้าน

สำหรับในปี 2566 แสนสิริ ยังคงมุ่งพัฒนาธุรกิจและเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสนสิริเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต โดยวางแผนเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท ซึ่งจะนับเป็นการทุบสถิติเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และคอนโดมิเนียม 22 โครงการ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2566 ไว้ที่ 55,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 50% จากปีที่ผ่านมา ส่วนยอดโอน 36,800 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เป้าหมายรายได้รวม 40,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์รวมถึงเป้าหมายกำไรสุทธิ ที่จะทุบสถิติ ALL-Time High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

อุทัย  อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า ในปีนี้ แสนสิริฯจะเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย 3 กลยุทธ์กุญแจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ รุกขยายธุรกิจเต็มสูบ สนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม โดยวางแผนเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมสูงถึง 75,000 ล้านบาท ซึ่งจะนับเป็นการเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เติบโตขึ้นจากปีก่อน 74% และโตขึ้นจากช่วงเกิดโควิดถึง 1,000% หรือ 10 เท่าตัว ครอบคลุมทุกโปรดักส์ ทั้งคอนโดมิเนียม – บ้านเดี่ยว – บ้านแฝด – ทาวน์โฮม ทุกเซกเมนต์ระดับราคารองรับทุกความต้องการ และครอบคลุมในทุกทำเล เจาะกลุ่ม เรียล ดีมานด์  มากกว่าปี 2565 ที่เปิดตัว 46 โครงการ มูลค่า 50,000 ล้านบาท แต่สามารถเปิดตัวได้ 39 โครงการ มูลค่า 43,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราย 27 โครงการ และคอนโดมิเนียม 12 โครงการ  โดย 7 โครงการที่เหลือได้เลื่อนมาเปิดตัวในช่วงไตรมาส1-2 ในปี 2566

สำหรับโครงการที่เปิดในปีนี้แบ่งเป็นแนวราบ จำนวน 30 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,700 ล้านบาท รวมถึงตอกย้ำความสำเร็จของบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีแบรนด์ “เศรษฐสิริ” ที่ในปีนี้ จะมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี ระดับราคา 12-25 ล้านบาท ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุน้อยลง ส่วนตลาดคอนโดมิเนียม เปิดอีก 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 24,300 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนถึง 151% โดยคอนโดมิเนียม ที่เป็นไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ การเปิดตัว New Luxury Condominium ในสุดยอดทำเลศักยภาพ ใจกลางเมืองอย่าง “อารีย์”  และ “ราชเทวี” การเปิดตัวคอนโดมิเนียม แบรนด์ใหม่ที่เป็น One of a kind Project หรือแบรนด์ใหม่ที่มีความโดดเด่นบนโลเคชั่นเดียว อาทิ  Cabanas Huahin และ อีก 2 แบรนด์คอนโดมิเนียมไลฟ์สไตล์ในย่านสุขุมวิท

ประเดิมต้นปีด้วยการรุกตลาดคอนโดในไตรมาสแรก ด้วยการรีเฟรชแบรนด์ “ดีคอนโด” ซึ่งเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของแสนสิริในกลุ่มคอนโด ราคาเข้าถึงง่าย ที่ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยมมาตลอด 13 ปี ในปีนี้ จึงปรับภาพแบรนด์ใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ในคอนเซ็ปต์ “Stay Well-Rounded คอนโดที่คิดเพื่อชีวิตดีรอบด้าน” นำเสนอคอนโดแนวคิดใหม่ ใส่ใจความเป็นอยู่ที่ดีในชีวิตทุกด้าน โดยมุ่งเน้นในเรื่องของ Well-Being สร้างพื้นที่ Safe Zone โดย 2 โครงการแรก “หาดใหญ่-ภูเก็ต”รับเรียลดีมานด์ และตลาดท่องเที่ยวฟื้น “ดีคอนโด รีฟ ภูเก็ต” เริ่ม 1.59 ล้านบาท* ใกล้ใจกลางเมืองและหาดป่าตอง แหล่งท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ชื่อดังของภูเก็ต และ “ดีคอนโด แซนด์ หาดใหญ่” เริ่ม 1.79 ล้านบาท* ใจกลางเมืองหาดใหญ่ โดยเตรียมเปิดตัว ทั้ง 2 ดีคอนโดใหม่ มีนาคม 2566 นี้

เปิด 9 แบรนด์ใหม่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์

อีกทั้งในปีนี้แสนสิริจะมีการเปิดตัว 9 แบรนด์ใหม่ ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อขยายในแต่ละ Portfolio  ให้แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกความต้องการและระดับราคามากยิ่งขึ้น ตั้งแต่แบรนด์ที่อยู่ใน Sansiri Luxury Collection ที่จะขยายพอร์ตลักชัวรี เซกเมนต์ของแสนสิริให้โตขึ้นแบบก้าวกระโดด ได้แก่ No.19 (นัมเบอร์ นายทีน) และ Sirinsiri (สิริณสิริ) แบรนด์ใหม่ในระดับพรีเมียม เซกเมนต์ ได้แก่ Narinsiri (ณริณสิริ) และ Ombré (ออมเบร) รวมทั้งแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ ได้แก่ HUB (ฮับ) และ Cabanas (กาบานาส) ทำเลหัวหิน ที่จะเริ่มทยอยเปิดตัวแบรนด์ใหม่ต่างๆ ในปีนี้ เพื่อตอกย้ำ Forward Thinking Brand และความเป็น First Mover ของแสนสิริ

บุกหนักตลาดต่างจังหวัดเปิด 12 โครงการ

พร้อมกันนี้ จะรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ใน 6 จังหวัด ได้แก่ หัวหิน, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่, ขอนแก่น และชลบุรี ซึ่งแสนสิริประสบความสำเร็จและได้รับความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ โดยในปีนี้จะเปิดตัวในต่างจังหวัดทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท ขณะที่ กลยุทธ์ในการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ แสนสิริฯจะเน้นการเปิดตัวโครงการที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในแต่ละทำเล เพื่อบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ แสนสิริฯจะรุกโมเดล New Sansiri Communities เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการปั้น “สังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ” ในแต่ละทำเลที่แสนสิริฯเข้าไปพัฒนาโครงการ ต่อยอดความสำเร็จจาก T77 และ กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้ ในปีที่ผ่านมา โดยทำเลที่เตรียมพัฒนาในปีนี้ อาทิ บางนา – เลค 26รังสิต –  บางพูน, กรุงเทพ – ปทุมธานี, ราชพฤกษ์ – 346, พระราม 2 – วงแหวน, ประชาอุทิศ 90 และ เวสต์เกต

ขยายตลาดต่าชาติเพิ่มเจาะกลุ่ม CLMV

อุทัย กล่าวต่อว่า เพื่อรับปัจจัยบวก “การกลับมาของตลาดต่างชาติ” แสนสิริวางเป้าหมายยอดขายและยอดโอนตลาดต่างชาติ ในปีนี้ไว้กว่า 12,000 ล้านบาท โตขึ้น 54% จากปีก่อน ที่มียอดขายจากตลาดต่างชาติ 7,800 ล้านบาท ตอกย้ำเบอร์หนึ่งแบรนด์อสังหาฯ ไทยในใจตลาดต่างชาติ ที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้บุกเบิกการขายอสังหาฯ ในต่างประเทศเป็นรายแรกของไทย ครองใจแบรนด์อสังหาฯ ไทยในใจตลาดต่างชาติมากว่า 10 ปี ส่งผลให้ได้รับความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ โดยกลยุทธ์การรุกตลาดต่างชาติในปีนี้ แสนสิริฯจะรุกตลาดในกลุ่ม CLMV (Cambodia, Laos, Myanmar, Vietnam) เพื่อขยายตลาดต่างชาติให้กว้างขึ้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% โดยเน้นเจาะตลาดคอนโดฯระดับราคา 2-5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มทำการตลาดแล้ว จากที่ลูกค้าต่างชาติหลักคือ  จีน ยังคงเป็นอันดับ1 รองลงมาเป็นฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และรัสเซีย ซึ่งแสนสิริฯมีฐานลูกค้าต่างชาติในกลุ่มนี้อยู่แล้ว จากการมองเห็นกำลังซื้อจากตลาดประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบประเทศไทย

About Kansuchaya Suvanakorn

ผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจมาเกือบ 30 ปี

View all posts by Kansuchaya Suvanakorn →

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *