“สิงห์ เอสเตท” หวัง 5 ปีพอร์ตออฟฟิศ-ค้าปลีก 2 แสนตร.ม.

เปิดบทสัมภาษณ์พิเศษ “นริศ เชยกลิ่น” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจนับจากนี้ เน้นเติบโตอย่างยั่งยืน ขยายพอร์ตลงทุนเชิงพาณิชย์แตะ 2 แสนตารางเมตร

โดย…กัญสุชญา สุวรรณคร

ก้าวย่างของ “สิงห์ เอสเตท” นับจากนี้จะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ด้วยการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในและต่างประเทศ ทั้งประเภทอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และเพื่อเช่า อันจะเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับกลุ่มธุรกิจในระยะยาว

นั่นคือเป้าหมายที่ “นริศ เชยกลิ่น” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บอกให้ฟังถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจนับจากนี้ไป ว่าต้องการที่จะสร้างความสมดุลทางด้านรายได้ ระหว่าง ธุรกิจที่มาจากรายได้ประจำ(Recurring income) ให้มีสัดส่วนเท่ากันๆกัน เป็น 50 : 50 ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า เท่ากับรายได้จากการขายอสังหาฯ โดยปี 2562 มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าอยู่ที่ประมาณ 30-40% ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 60-70%

ลุยเพิ่มรายได้อาคารสำนักงานให้เช่า

โดยหนึ่งในสามธุรกิจหลักที่จะนำสิงห์ เอสเตทไปสู่เป้าหมาย นั้นก็คือ ขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทเชิงพาณิชย์(คอมเมอร์เชียล) โดยวางงบลงทุน 1.7 หมื่นล้านบาท เพื่อการขยายธุรกิจคอมเมอร์เชียล ใน 5 ปี เพื่อพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ประมาณ 4-5 โครงการ พื้นที่รวม 200,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ทั้งพัฒนาเอง ซื้อและการควบรวมกิจการ (Merger and Acquisition) เพิ่มความรวดเร็วในการเติบโต

นอกจากนี้ บริษัทฯจะขยายพื้นที่ค้าปลีก รองรับความต้องการผู้บริโภคที่มาเช่าออฟฟิศ รวมถึงผู้อยู่อาศัยรอบโครงการ และการพัฒนาโครงการใหม่ การลงทุนขั้นต่ำจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท จากแผนดังกล่าว ภายใน 5 ปี คาดจะมีพื้นที่เชิงพาณิชย์เป็น 3 แสนตร.ม. จากปัจจุบันมีพื้นที่เชิงพาณิชย์ 130,000 ตร.ม.

ปัจจุบันมีโครงการที่เปิดให้บริการและอยู่ระหว่างก่อสร้างในพอร์ต จำนวน 4 โครงการ ได้แก่

1. อาคารซัน ทาวเวอร์ส มีพื้นที่เช่าขนาด 118,828 ตร.ม. ซึ่งซื้อมาเมื่อ 2 ปีก่อน จากนั้นได้เข้าไปปรับปรุงพื้นที่ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ช่น เพิ่มพื้นที่จอดรถ สร้างศูนย์อาหารแห่งใหม่

2. โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ เดอะ ลักชัวรี มิกซ์ ยูส บนถนนอโศก-เพชรบุรี โครงการมิกซ์ ยูส ที่เป็นแฟล็กชิปแห่งแรกของบริษัท ล่าสุดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ มีพื้นที่เช่าขนาด 120,000 ตร.ม. ซึ่งปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 82% ในจำนวนนี้กลุ่มบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เช่าพื้นที่ 5 ชั้นจำนวน 10,595 ตร.ม. โดยจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 50 ปีมูลค่า 1,900 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างยื่นขอก่อสร้างทางใต้ดินเพื่อเชื่อมอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ กับ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เพชรบุรี โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท

3. ไลฟ์เฮ้าส์ มีพื้นที่เช่าขนาด 3,500 ตารางเมตร

4. โครงการอยู่ระหว่างการพัฒนา ครอสโร้ดส์ (CROSSROADS) มัลดีฟส์ มีพื้นที่การค้ากว่า 11,000 ตารางเมตร ซึ่งมีพื้นที่เช่าขนาด 253,328 ตารางเมตร โดยจะเปิดให้บริการเฟสแรกในปีหน้า เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ถูกมองว่าจะเข้าไปพลิกโฉมการท่องเที่ยวของประเทศมัลดีฟส์ให้เปลี่ยนไป โดยเป็นโครงการพัฒนา 9 เกาะ ภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้ เฟสแรก ใช้เงินลงทุนไป 310 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเปิดให้บริการ 2 เกาะ ประกอบด้วยโรงแรม 2 แห่ง และมารีน่า วอล์ก ซึ่งจะเป็นพื้นที่ค้าปลีก ยังมีร้านอาหารกว่า 20 ร้านค้าเรียงรายเป็นระยะทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร

“แนวโน้ม 2-3 ปีข้างหน้า จะมีการแข่งขันโครงการมิกซ์ยูส เกรดเอ ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีหลายโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จ อีกทั้งที่ดินมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้การลงทุนโครงการมิกซ์ยูส ประเภทอาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีกและอาคารชุดพักอาศัย จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRI) สูงสุด อยู่ที่ระดับ 12-13% เมื่อเทียบกับการลงทุนอาคารสำนักงานอย่างเดียวที่ให้ผลตอบแทนแค่ 6-7%” นริศ กล่าว

ปี’62 เดินหน้าโปรเจกต์ “โอเอซิส”

นริศ กล่าวอีกว่า ในปีหน้าบริษัท จะพัฒนาโครงการใหม่ ปัจจุบันยังคงใช้ชื่อเป็นโค้ดเนมว่า “โอเอซิส” (OASIS) มูลค่า 3,700 ล้านบาท บนถนนวิภาวดี-รังสิต พื้นที่ 7 ไร่ ระหว่างอาคารซัน ทาวเวอร์ และอาคารเล้าเป้งง้วน ริมถนนวิภาวดีรังสิต เป็นอาคารสำนักงาน 36 ชั้น พื้นที่เช่า 5.3 หมื่นตร.ม. และพื้นที่ค้าปลีก โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2565

มองมุมต่าง-เลือกทำเลหวังโตยั่งยืน

ทั้งนี้ หากมองในแง่กลยุทธ์ธุรกิจด้านคอมเมอร์เชียลนั้น ซีอีโอ สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า การเลือกทำเลจะมีส่วนสำคัญมาก ขณะเดียวกันการเดินทางจะต้องสะดวกด้วย โดยเราจะมองแตกต่างจากคนอื่น เพราะภาพที่เรามอง คือการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว

“เรามองว่าใจกลางเมือง มีอาคารสำนักงานจำนวนมากอยู่แล้ว และในอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีพื้นที่สำนักงานเพิ่มออกมาพร้อม ๆ กันอีกรวมกว่า 1 แสน ตร.ม. แต่การเลือกทำเลของเราจะฉีกแนวออกมา จะกระจายอยู่รอบนอก โดยมั่นใจว่าพื้นที่ตรงนั้น จะเป็น CBD ใหม่ของกรุงเทพฯ อยู่ใกล้กับแกรนด์ สเตชั่น ที่ใกล้จะเปิดให้บริการแล้ว ซึ่งความเจริญจะเกิดขึ้นตรงนั้น และพื้นที่นั้นก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทั้งราคาที่ดินและทรัพย์สินราคาจะเพิ่มมากขึ้น ด้วยความเป็นจุดรวมของรถไฟฟ้าหลายสาย”

“เราเน้นความสมดุลของรายได้ โดยต้องการให้สัดส่วนรายได้จากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นกำไรในระยะสั้นแต่มีมาร์จิ้นสูง กับโครงการลงทุนที่สร้างรายได้สม่ำเสมอให้กับบริษัท เหมือนกับน้ำซึมบ่อทราย ดังนั้น จึงมีแผนทั้งการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่เอง และการควบรวมกิจการทั้งประเภทโรงแรม รวมทั้งอาคารสำนักงานทั้งในและต่างประเทศ”

นั่นก็เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายการเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คอมพานี” และการเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างยั่งยืน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *